Direction

 
ก่อนอื่นเรามาลวกซี่โครงหมูอ่อนกันก่อนครับ การลวกซี่โครงหมูจะทำให้ไม่ต้องลุ้นครับว่าน้ำซุปจะใสหรือไม่เพราะข้างนอกกระดูกหมูจะสุกทั้งเนื้อและกระดูกทำให้ไม่มีเลือดซึมออกมาเวลาเคี่ยวกระดูกน้ำซุปจะใส แทบจะไม่มีฟอง และยังเป็นการกักเอาความหวานของซี่โครงหมูอีกด้วย ซี่โครงหมูของเราจะทั้งนุ่มและหวานทีเดียวครับ


ก่อนอื่นก็ต้องตั้งน้ำปริมาณพอๆกับซี่โครงหมูให้เดือดพล่าน ตอนนี้ใช้ไฟแรงๆได้เลยนะครับ แล้วใส่ซี่โครงหมูหมูลงไปต้มแค่พอน้ำกลับมาเดือดพล่านอีกทีก็ปิดไฟได้แล้วครับ


กรองเอาแต่ซี่โครงหมูแล้วใส่หม้อใบใหม่ ใส่รสดีซุปก้อนตามอัตราส่วนที่เขียนแนะนำไว้ข้างกล่องคือซุปก้อนขนาด 20 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร ทีนี้เราจะใช้น้ำทั้งหมด 2 ลิตร (คือน้ำเปล่า +น้ำมะพร้าว) เราก็เลยใส่ลงไป 2 ก้อน ส่วนตัวคิดว่ารสดีซุปก้อนจะได้น้ำซุปที่มีสีอ่อนๆนะครับ รสชาติของน้ำซุปก็จะไม่จัดมากไม่ไปรบกวนรสของแกงจืดที่เราจะทำครับ


แล้วตั้งไฟอ่อน – กลางๆ ครับ (อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความแรงของเตาของแต่ละคนนะครับ ให้สังเกตุว่าพอเดือดเต็มที่แล้วจะเดือดเป็นพรายไม่แรงมากตลอดเวลาครับ แบบในรูปเลยครับ) ไม่ต้องเคี่ยวให้ซี่โครงหมูเปื่อยนะครับ เอาแค่ซี่โครงหมูเริ่มจะนุ่มก็พอ (ประมาณแค่ 5-7 นาทีหลังน้ำเดือดเต็มที่) เพราะเราต้องเคี่ยวสับปะรดต่อให้ความหวานของสับปะรดออกมาอีก


ใส่สับปะรดลงไป ตามด้วยน้ำมะพร้าว แล้วเคี่ยวต่อไปยาวๆ เลยครับ ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ครับ ลองจิ้มๆซี่โครงหมูดูว่าเปื่อยดีหรือยัง ลองจิ้มชิ้นสับปะรดดูว่าเปื่อยดีแล้วมั๊ย สุดท้ายต้องลองชิมน้ำแกงดูครับว่ามีรสชาติของสับปะรดออกมาเต็มที่หรือยัง



ถ้าชอบให้มีรสเปรี้ยวๆ หวานๆ ของสับปะรดมากขึ้นก็สามารถใส่น้ำสับปะรดที่คั้นเอาไว้ได้ และถ้าคิดว่ายังไม่หวานพอก็สามารถเติมน้ำตาลมะพร้าวได้อีกครับ **** แต่ที่เจ้าของกระทู้ทำไม่ได้เติมน้ำตาลมะพร้าวเลยครับ**** คิดว่าความหวานมาจากซี่โครงหมู สับปะรดที่ฉ่ำพอดีๆ น้ำมะพร้าว และเป็นความหวานจากซุปก้อนที่รสไม่จัดมากครับ ส่วนถ้ายังไม่มีรสเค็มก็เติมซอสปรุงได้ครับ(เจ้าของกระทู้เติมซอสปรุงรสลงไปแค่ครึ่งเดียวนะครับ อ้อ ..การเติมซอสปรุงรสจะช่วยให้แกงจืดมีสีเข้มขึ้นนิดหน่อย ทำให้สับปะรดมีสีที่น่าทานมากขึ้นครับ)


พอปรุงรสได้ที่แล้วก็ใส่เนื้อมะพร้าวลงไป รดให้เดือดดีๆ ก็ปิดไฟได้ครับ