1 ชม. 0 นาที
0 ชม. 10 นาที
4 คน
จริงๆ แล้วผมไม่ทราบหรอกนะครับ ว่าน้ำพริกสูตรนี้มีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน แต่ผมก็ไม่เคยทานน้ำพริกแบบนี้ที่ไหนเลยนอกจากที่บ้านเกิด น้ำพริกกากหมูแบบที่ผมเคยทานตามร้านอาหารแถว อยุธยาหรือกรุงเทพฯ ที่ใส่หมูหยอง มะดันสับ ก็อร่อยดีนะครับ แต่น้ำพริกกากหมูแบบที่ผมชื่นชอบ และทานมาตั้งแต่เด็กๆ นั้น แตกต่างไปจากสูตรข้างต้นนั้นสักหน่อย ลองมาดูกันครับ ว่าหน้าตามันเป็นยังไง
สำหรับ น้ำพริกกากหมูแบบนี้ ไม่มีอะไรมากเลยครับ มันก็คือ น้ำพริกผัด (หรือที่ทุกๆคนรู้จักกันในชื่อ "น้ำพริกเผา") บวกกับ กากหมู แค่นั้นเองครับ ทานกับผักสด ไข่เค็ม ข้าวสวยร้อนๆ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม!
1. เรามาเริ่มทำกากหมูกันก่อนครับ นำหมูของเราลงต้มซะก่อนครับ สุกแล้วนำขึ้นมาพักไว้ให้หายร้อนและสะเด็ดน้ำ แล้วหั่นเป็นชิ้นไม่เล็กมากนัก เวลาเราเจียว มันจะหดลงไปอีกครับ
2. นำเกลือกับแม๊กกี้ลงคลุกกับเนื้อหมูที่ได้ ผึ่งทิ้งไว้ให้แห้งครับ (ถ้านำลงผึ่งบนกระจาดใหญ่ๆ ข้ามวันเลยยิ่งดีครับ) ระหว่างรอให้หมูแห้ง สะเด็ดน้ำ เราไปตำน้ำพริกกันก่อนดีกว่าครับ
3. คั่ว(หรือเอาไปปิ้ง)พริกแห้ง แล้วจึงคั่วหอมแดงกับกระเทียมที่เตรียมไว้ กะปิเผา ผมใช้วิธีห่อฟอยด์แล้วเผาบนเตาแก๊ซเลยครับ
4. นำพริกคั่วที่ได้ ลงครกแล้วตำให้แหลกกับเกลือ ใส่หอมแดง กระเทียม แล้วตำต่อ หลังจากนั้น ใส่กะปิเผาลงไปครับ
5. ปรุงรสด้วย เนื้อมะขามเปียก น้ำตาลปี๊ป ตำหรือคลุกน้ำพริกให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบครับ แล้วตักใส่ถ้วยพักไว้ รอผัด
6. ตำน้ำพริกเสร็จ มาเจียวกากหมูกันต่อครับ ตั้งกระทะจนร้อนแล้วหรี่ไฟกลาง ไม่ต้องใส่น้ำมันนะครับ นำหมูที่ผึ่งลมไว้ ลงกระทะเลยครับ เจียวไปเรื่อยๆ น้ำมันหมูมันจะออกมาเองครับ
7. เจียวไปเรื่อยๆ ใจเย็นๆ จนหมูของเราเปลี่ยนเป็นสีเหลือง น้ำมันหมูจะออกมาจนท่วมหมูของเราเลยครับ สังเกตว่าหมูของเราแห้งแล้ว หนังเริ่มกรอบ เร่งไฟแรงสุด แล้วเจียวให้หนังหมูพองเลยครับ เวลาทานจะได้กรอบๆ หลังจากนั้น ตักกากหมูที่เจียวได้ ขึ้นพักไว้ในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน
8. น้ำมันหมูที่ได้ ตักออกจนเหลือค้างกระทะไว้สัก 2-3 ชต. ครับ เปิดไฟ น้ำมันร้อนแล้วเอาน้ำพริกของเราลงผัด
9. ผัดน้ำพริกจนหอม ปรุงรสครั้งสุดท้าย น้ำพริกสูตรนี้ต้องออกหวานนำเหมือนน้ำพริกเผาครับ ส่วนรสเค็มเราจะได้จากกากหมู
10. นำกากหมูลงคลุกกับน้ำพริกในกระทะ เสร็จแล้วครับ
รักการทำอาหารไทยและขนมหวานโบราณ โดยยึดต้นตำรับชาววัง และเป็นผู้เขียนหนังสือ "เลาะรั้วครัววัง"
อาจารย์ มาโนชญ์ พูลผล
ที่ปรึกษาการถ่ายภาพ ช่างภาพ วิทยากร บรรยายเรื่องการถ่ายภาพ ของ NIKON THailand
อาจารย์ สยาม เอี่ยมพิชัยฤทธิ์ (ที่ปรึกษาการถ่ายภาพ )
ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลา 365 วันผมทำอาหาร แทบจะไม่ซ้ำกันเลย ด้วยวัตถุดิบของผมก็ได้ จากตลาดใกล้บ้าน
ทนายอ้วน (Chubby Lawyer)
Chef Instructor of Western Culinary Arts of Dusit Thani College
เชฟเบิ้น Wachiravit Homboonyong
Foodie
ผู้หลงรักการทำและชิมอาหาร
Partner
พันธมิตร และแบรนด์วัตถุดิบอาหาร
Professional service
หน่วยงานและองค์กร
Comment (19 )
AlexisBakery
อันนี้น่ากินคะ เคยกินแต่ไม่รู้ว่าทำยังงัย ขอบคุณสำหรับสูตรนะคะ
แจ้งลบทนายอ้วน
เข้ามาดูเพราะหมูสามชั้นทีเดียว อิอิอิ
แจ้งลบrecipe
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมเช่นกันครับคุณ AlexisBakery
แจ้งลบเชื่อแล้วว่าคุณทนายอ้วนเป็นแฟนสามชั้นจริงๆ 555+
ขอบคุณนะคะ จะทำไปให้แฟนที่อยู่เมื่องนอก
แจ้งลบอินู๋ชัดเจน
ว๊าวววเมนูนี้น่าสนเดียววันหลังจะลองทำมั่ง ว่าแต่พี่เป็นคนสุโขทัยหรอเห็น �สวรรคโลก� แบบว่านู๋ก้อเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี้^^แต่จะเป็นที่เดียวกันรึป่าวมะรูคริๆ
แจ้งลบice
น้ำพริกกากหมูมันไม่มีมาจากไหนหรอกค่ะ มันเป็นสูตรโบราณหาทานยาก คือคุณแม่กับคุณยายก้อทำให้ทานบ่อยๆ และต้องทานกับไข่ต้มและข้าวสวยร้อนๆด้วยนะคะ จะอร่อยมากๆค่ะ
แจ้งลบmomopoko
ที่บ้าน(พิ�โลก)ก็กินแบบนี้เหมือนกันค่ะ ตอนเด็กพ่อจะเป็นคนเตรียมเครื่องให้แม่โขลก ของทุกอย่างจะไม่ย่าง แล้วจึงผัดใส่น้ำปลา น้ำมะขาม น้ำตาลปิ๊บ ใส่สามชั้นเจียว กินกับเม็ดขนุนต้ม ถูกกันดีค่ะ
แจ้งลบน้ำลายเลยคะขอบคุนสำหรับสุตรเดี๋ยวจาทำให้สามีทานมั่งคะ
แจ้งลบอ้วน อ้วน
เคยแต่กิน ไม่เคยทำ แต่ชอบค่ะอร่ิอย ขอบคุณสำหรับวิธีทำเดี๋ยวจะลองทำดูนะคะ
แจ้งลบมาลี
ชอบมาก สุขโขทัยเหมือนกัน
แจ้งลบ